วันนี้เราต้องเช๊คเอ้าท์จากโรงแรม เพื่อย้ายที่พักกัน โดยพนักงานได้ติดต่อเรื่องการฝากกระเป๋ากับทางโรงแรมที่ ueno เหมือนกันให้ เราก็จัดแจงลากกระเป๋า ของฝาก สัมภาระ ไปเลย ไม่ไกลจากโรงแรมเดิมมากนัก พอไปถึงพนักงานก็ออกมารับกระเป๋า แต่เราแอบเห็นมีป้ายติดที่เคาเตอร์ว่ามีค่าฝากกระเป๋า เราก็ตกใจสิ เลยถามพนักงานไป พนักงานบอกว่าฟรี เพราะทางโรงแรมเดิมโทรมาช่วยคุยให้ โชคดีไป
ฝากของเสร็จเราก็ออกเดินทางเป้าหมายแรกคือตลาดปลา tsukiji แผนที่เที่ยวมีไม่กี่ที่ ส่วนใหญ่ก็เดินชมตลาด ดูของกิน
มาถึงเราก็เริ่มเดินชมตลาดด้านนอกกันก่อน ริมถนนมีร้านอาหารแบบยืนทานด้วย ไม่เคยเห็น
ร้านอาหารแบบยืนทาน
เดินๆก็เจอร้านโมจิสตรอเบอรี่ คืออยากกินมานานแล้ว แต่ที่อยากกินเคยดูในมาจิเดะ เจแปน มันเป็นไส้ครีมกับสตรอเบอรี่ทั้งลูกอยู่ในตัวโมจิเลย จะตามไปทานร้านนั้น ก็ปิดไปแล้ว ไม่รู้หากินที่ไหนได้อีก เจออันนี้เลยเอามาลองแก้ขัดไปก่อน
ต่อมาเจอร้านขายไข่หอยเม่น คือไม่เคยกินเลย เลยสั่งมาลองดูราคาตั้ง 1000เยนแหนะ เอาน่ะลองดู สักครั้งในชีวิต
เดินต่อเจอร้าน เข้าไปดูราคา แทบช๊อค ขาปู 3500 เยน เห็นคนจีนสั่งยืนกินน่าอร่อยมาก นี่เค้าทำตกพื้นจะรีบวิ่งไปกินเลยเนี่ย แต่เห็นราคาแล้วไม่ไหว ราคาจะเท่ารองเท้าที่ซื้อเมื่อวานอยู่และ หักห้ามใจเดินออกมาดีกว่า
นี่ไงขาปู 3500 เยน ส่วนที่ย่างๆไม่รู้อะไร
อันนี้ร้านไข่ ทำไมคนต่อแถวเยอะจังก็ไม่รู้
เดินๆดูก็เป็นร้านพวกข้าวหน้าทะเลต่างๆ ซูชิ ปลาดิบ พวกนี้ น่าทานทั้งนั้น เลือกไม่ได้สักที เลยตัดสินใจไปเดินตลาดปลาด้านในก่อน เดินๆไป ทำไมมันเงียบๆหว่า สุดท้ายเจอร้าน จำได้ว่าน่าจะเป็นร้านซูชิได ทำไมปิดหมดทั้งแถบเลยอ่าาาา งง
ใช่ร้านซูชิไดหรือเปล่า?
สุดท้ายเลยเดินกลับมาหาข้าวเช้ากินที่ตลาดด้านนอกกันอีกรอบ เดินเลือกไม่ถูก สุดท้ายก็เลยเข้าร้านนี้เพราะพนักงานให้คูปองฟรีซุปมา เลยกินร้านนี้ ติดกับกลยุทธ์การตลาดของลุงซะละ แต่ลุงแกใจดีจริงๆ ตอนเช้าเรากินกันไม่เยอะ เลยสั่งแค่ชามเดียว ลุงถามเอามิโสะ 2 เลยก็ได้ ฟรี!! โอเค จัดไปครับลุง
ร้านนี้แหละ กิน2คน 1ชามอิ่มพอดี
อิ่มแล้วได้เวลากลับไปรถไฟใต้ดิน ฝนก็เริ่มเทลงมาอีกละ ไม่เป็นไร เรามีร่มติดตัวเสมอ ซื้อครั้งเดียวใช้คุ้มเลย แผนต่อไปเราจะไปเดินชอปปิ้งกันที่ชิบูย่ากัน ตามแผนที่เราวางไว้
แผนเที่ยวชิบูย่าคร่าวๆ
ที่แรก ไปง่ายๆเลย คือรูปปั้นหมาฮาจิโกะ แล้วก็ 5 แยกชิบูย่า ออกสถานีมาก็เจอ
เจอแล้วรูปปั้นหมา .... เอิ่ม จบ
5แยกชิบูย่า ไปถึงไฟเขียวพอดี เลยเดินข้ามดู โดยไม่มีจุดหมายสักเท่าไร แต่คนไม่เยอะเท่าไร เพราะเป็นเวลากลางวัน วันธรรมดา และฝนตก
ไม่รู้จะไปไหน ไปตึก parco ดีกว่า มีช๊อปขายสินค้าวันพีซ แต่ระหว่างทางเจอช๊อปนารูโตะด้วย อยู่ชั้นเดียวกันเลย
ในที่สุดก็มาถึงช๊อปวันพีซแล้วววววววว.....
มีทั้งฟิกเกอร์
หนังสือกาตูน
โมเดลขนาดเท่าของจริง
ขนาดลิฟท์ยังเป็นวันพีซ
!!!!!!
สุดท้ายหักห้ามใจด้วยการซื้อแค่ผงผสมน้ำอาบพอ อุซปเป็นกลิ่นกีวี ชิราโฮชิเป็นพีช พอได้ลองแล้วถึงกับต้องทึ่ง !!!!! ตอนแรกก็ได้กลิ่นหอมนะ พอแช่ไปสักพักมันชินกลิ่นเลยไม่รู้สึกอะไรเลย เหมือนเอาตังไปละลายน้ำเล่น 5555+
เดินทางกันต่อ เราเลือกที่จะเดินไปยังฮาราจุกุ เดินไปกางร่มไป ฝนไม่มีที่ท่าว่าจะหยุด สะพายเป้หนักๆเพราะขนของเตรียมย้ายเมืองอีก กว่าจะถึงจุดหมายแรก ร้านขายของฝากที่ตั้งใจว่าจะมาซื้อของไปฝากเพื่อนๆ
แผนที่เที่ยว harajuku
ยืนเลือกอยู่นาน อ่านออกบ้างไม่ออกมั่ง ดูรูปด้านหลังประกอบมั่วๆเอา สุดท้ายก็ได้มา 3 กล่อง 3แบบ ให้เดากันเอาเองว่าคืออะไรบ้าง 555+
ได้ของฝากเรียบร้อยแล้ว เดินช๊อปตามทางเรื่อยเปื่อย มีช๊อป nike ไปจนสุด ตั้งใจว่ากินข้าวห่อไข่ร้าน apple tree แต่หาไม่เจอ ด้วยว่าฝนตก+กับหิว เลยแวะร้านนี้หน้าร้านมีภาษาไทยด้วย
ราเมนมาแล้ว ซดน้ำซุปร้อนๆ หลังจากเดินท่ามกลางสายฝน ให้ร่างกายอุ่น
เป้าหมายต่อไปของเราคือศาลเจ้าเมจิจิงกู โดยเราแวะฝากกระเป๋าที่สถานีรถไฟก่อน จะได้เดินสะดวก
สถานีรถไฟฮาราจุกุ สวยดี แต่คนเยอะ ฝนก็ตก จะถ่ายเต็มๆไม่ได้เลย
สะพานจินกู
ถึงแล้วทางเข้าไปศาลเจ้า ธรรมชาติฝุดๆ
ทางเข้าเป็นต้นไม้สองข้างทาง
เราเดินไปได้สักพักยกนาฬิกามาดู พร้อมเปิดแผนที่ พึ่งได้ครึ่งทาง แต่เวลาเราจะหมดแล้ว เลยตัดสินใจกลับ ออกมาก่อน รอบหน้าจะเดินไปให้ถึงให้ได้ มาขึ้นรถไฟที่สถานีฮาราจุกุ ข้างทางเป็นต้นไม้สวยงาม
เราเดินทางมาสถานีชินจุกุถึงประมาณ 6โมงเศษๆ แล้วเราจองรถบัสเพื่อจะออกนอกเมืองตอน 19.10 นาที ทำให้เรามีเวลาช๊อปปิ้งที่ชินจุกุไม่มาก ก็เลยเลือกที่จะเดินเล่นในตึก โยโดบาชิคาเมร่า ซึ่งอยู่ใกล้ๆบริเวณที่ขึ้นรถบัส และค้นพบว่าเค้าแบ่งย่อยเป็นหลายๆตึกในบริเวณนั้น ซึ่งแต่ละตึกจะแยกสินค้าเช่น ตึกกล้อง ตึกของเล่นและเกมส์ ตึกสินค้าไอที และตึกของเล่นผู้ใหญ่ มีอีกหลายตึกแต่จำไม่ได้ เราเลยเลือกไปเดินตึกเกมและของเล่นรอเวลา ที่ชั้นบนสุดมีตู้เกม เราเลยไปยืนดูเค้าเล่นกัน ตู้เกมเดี๋ยวนี้เค้าใช้การ์ดอะไรไม่รู้ วางเล่นด้วย
ชั้น1 เป็นสินค้าเกี่ยวกับเกม
มีสินค้าโปเกม่อนด้วย
อันนี้เป็นเกี่ยวกับหนังสือบทสรุปเกมส์ อันนี้เป็นบทสรุปเกมโปเกม่อน จะหน้าไปไหนเนี่ย
ชั้นบนสุดเราแอบไปยืนดูตู้เกม monster hunter อยากเล่นมากกกก
อยากลองไปตึก โยโดบาชิ สินค้าเกี่ยวกับผู้ใหญ่ มันจะมีอะไรน้า กว่าจะหาเจอ ทางเข้าเล็กเกิน แต่สุดท้ายไม่กล้าเข้าไป
รีบวิ่งกลับไปที่สถานีรถบัส เหลือเวลานิดหน่อย ถามพนักงานว่าให้รอตรงนี้ใช่ไหม พนักงานก็พยักหน้า เรารอจนถึง 19.10 เราไม่เห็นรถ งงมาก เลยถามพนักงานอีกรอบ พนักงานบอกว่า รถออกไปแล้ว อ้าว ซวยแล้ว แล้วทำไมบอกให้รอตรงนี้เนี่ย คิดในใจ ตกรถซะแล้วเรา โชคดีพนักงานเค้าช่วยวอร์แจ้งเรื่องให้ไรไม่รู้ แล้วบอกให้เราตามเค้าไป เราก็รีบวิ่งตามเค้าไป ฝนก็ตก กระเป๋าก็หนัก เป็นจุดที่รถบัสวนมาพอดี เราเลยได้ขึ้น เกือบไปแล้วไหมล่ะ
ไหนพี่บอกให้ผมรอตรงนี้ไง T_T
นั่งรถบัส 2 ชม. ก็มาถึงคาวากุจิโกะ 3ทุ่มกว่า สถานีแทบไม่มีคนอยู่ เราเลยเปิดแผนที่เตรียมเดินไปโรงแรม แวะซื้อขนมนมเนยก่อนเข้าโรงแรม ในที่สุดเราก็ถึงโรงแรมของเรา อาบน้ำนอนทันที เพราะเหนื่อยมาก
โรงแรงของเรา ชื่อว่า สวะ โฮเทล (sawa hotel)
วันที่3 ก็จบลงแล้ว เตรียมลุยต่อพรุ่งนี้ ขอให้ฝนไม่ตกทีเถอะ อยากเห็น ภูเขาฟูจิ