ตื่นมารีบเปิดหน้าต่างดูทันทีว่าฝนตกไหม ลุ้นระทึก ปรากฎว่าฝนไม่ตกครับ แต่ดูพยากรณ์อากาศบอกว่า ใกล้ตกแล้ว อ้าว ซวยแล้วไง
ตามแผนเดิมกะว่าจะไปตลาดปลาแต่ว่าด้วยแผนที่ผิดพลาดจากเมื่อวานทำให้วัด asakusa ก็ยังไม่ได้ไป ลังเลว่าจะไปเก็บ asakusa หรือ ตลาดปลาดี แต่เห็นว่าฝนยังไม่ตก ไป asakusa ดีกว่า เปลี่ยนแผนกระทันหันทันที รีบอาบน้ำแต่งตัวออกจากโรงแรม และไม่ลืมพกร่มไปด้วย มุ่งตรงไปวัด asakusa กัน นั่งรถไฟ 3 สถานีก็ถึง
แผนที่เที่ยวของเราวันนี้
ลงจากสถานี เลือกเดินไปสะพานแดงก่อนฝนยังไม่ตก จะได้เห็นวิว และถ่ายรูปได้สะดวก ขณะกำลังถ่ายรูปอยู่มีคุณลุงญี่ปุ่นมาทักเป็นภาษาญี่ปุ่นซึ่งแน่ล่ะ เราฟังไม่ออก แต่แกทำมือแสดงเป็นท่าถ่ายรูป พร้อมชี้เราสองคน อ๋ออออ แกจะช่วยถ่ายรูปให้เราด้วย ใจดีจุง เราเลยยื่นมือถือให้ลุงไป ลุงก็ถามว่ากดตรงนี้ใช่ไหม สักพักลุงก็วิ่งเอาไอโฟนเราไป ม่ายช่ายยยยย ลุงแกก็ถ่ายรูปให้เรา แล้วถามว่า china ??? เราก็บอกว่า ไม่ใช่ๆ เรามาจาก thailand แกก็พยักหงึกๆพร้อมยิ้ม เราก็ ขอบคุณในความใจดีของลุงเป็นภาษาญี่ปุ่น
นี่ อันนี้ลุงถ่ายให้ !!!
ฟ้าเริ่มครึ้มและ ใกล้ละ
ประตูอันแรก ชื่อว่าประตูสายฟ้าคามินาริมอน
ถนนนากามิเสะ
ร้านซาลาเปาทอด
ประตูทางเข้าที่2 ประตูคลังสมบัติโฮโซมง
ถึงวัดแล้ว เข้าไปทำบุญกัน พร้อมเสี่ยงเซียมซีเห็นเค้าว่าแม่น ของเราได้ ซวยสุดๆ จำไม่ได้เขียนว่าไรสักอย่าง unfortune ประมาณว่าโคตรซวยอ่ะ รีบเอาไปผูกเลยจ้า เก็บไว้ทำเกลืออะไร 5555
ขนาดมาตอนเช้าวันธรรมดา คนยังเยอะเลย
เดินออกทางฝั่งเจดีย์
พระญี่ปุ่นเดินไปไหนไม่รู้ มีตำรวจนำขบวนด้วย
เดินไปด้านข้างเป็นสวน เจอคุณลุงจูงหมามา เลยขอถ่ายรูป ลุงแกก็ใจดี สั่งให้หยุด ก็หยุดรอให้เราเข้าไปถ่าย คุณลุงอธิบายเป็นภาษาญี่ปุ่นเหมือนเดิม "chiba inu" "japan" แค่สองคำ แต่พอฟังออก พอถ่ายเสร็จคุณลุงก็แซวว่าแต่งตัวเหมือนกันเลย หมากับคน 5555+
เดินไปทางสวนต่อ เดินเล่นไปเจอ คนใส่ชุดญี่ปุ่นมากัน2คน ผู้ชายกับผู้หญิง เค้าเรียกชุดไรไม่รู้ เลยไปขอเค้าถ่ายรูป ไหนๆก็ถ่ายรูปกับหมาญี่ปุ่นละ ถ่ายรูปกับคนญี่ปุ่นด้วยเลย
เค้าเรียกชุดไรไม่รู้
ถ่ายเสร็จ ก็ขอบคุณเค้า แล้วเค้าก็คุยกับแฟน ฟังสำเนียง อ้าว จีนนี่หว่า ไม่ใช่ญี่ปุ่น ก็เลยยังไม่มีรูปคู่กับคนญี่ปุ่นสักที จากนั้นเราก็เดินต่อ ในที่สุดเราก็เจอร้านเมล่อนปัง ยืนดู ยืนดม แล้วเราก็เดินจากไป เพราะเรากะว่าจะไปกินราเมน กินเมล่อนปังกลัวจะอิ่มเกินไป
เจอละเมล่อนปัง ตามมากับคนจีน
เดินย้อนกลับมาที่ประตูโฮโซมงผ่านประตู แล้วเลี้ยวขวาเดินเส้นด้านข้าง เจอคนต่อแถวรอกินร้านอะไรไม่รู้ แต่ถ้าจำไม่ผิดเคยเห็นในหนังสือเป็นร้านเทมปูระเจ้าดัง แต่จำได้ว่าแพงเราเลยไม่เอาดีกว่า เดินเส้นด้านข้างที่ขนานกับถนนนากามิเสะออกมาจนถึงถนนเส้นด้านหน้าประตูสายฟ้า เดินไปทางซ้ายจำได้ว่ามีราเมน kagetsu arashi ลงในหนังสือเที่ยวล่าสุดเล่มสีชมพู ราคาไม่แพง ก็เลยแวะกิน ดูเมนูแล้วเข้าไปเป็นตู้หยอดเหรียญ มีคนมารอกินอยู่แล้วเป็นกลุ่มครอบครัว เราเข้าไปกะยืนดูเค้าหยอด เค้าหันมาเห็นเรา แล้วพูดว่า "ให้เค้าก่อนสิ" อ้าวคนไทยนี่นา เราเลยตอบไปว่า "ขอบคุณครับ" คุณพ่อหัวหน้าครอบครัวพกหนังสือเที่ยวล่าสุด เล่มสีชมพูมาด้วย ลายแทงเดียวกัน ก็ดูเลขจากในเมนูแล้วมากดเอา แล้วก็เอาใบไปยื่นให้เคาเตอร์ นั่งรอก็ได้กินละ
เราสั่งแบบแยกน้ำ กับอีกชามเป็นของแฟนเป็นเหมือนน้ำซุปกระเทียมสักอย่าง อร่อยดี
จากนั้นเราก็ขึ้นรถไฟใต้ดินไปสถานี tokyo กัน ตามแผนว่าจะไปชมพระราชวัง ถึงสถานีฝนเริ่มตกเบาๆหาทางเดินไปบริเวณด้านหน้า เดินชมสวนสักพัก ฝนเริ่มตกแรง ถ่ายรูปไม่ถนัดเราก็เลยกลับกัน โดยไม่ได้เข้าไปดูตรงส่วนที่เป็นสะพานแว่นตา
แผนที่เที่ยวโตเกียว
สระด้านหน้า ตราห่านคู่
panorama ฟ้ามืดครึ้ม
ตอนแรกว่าจะไปชอปปิ้งตรงบริเวณสถานีรถไฟโตเกียว แต่ไปๆมาๆ ต้องเข้าไปในสถานีก่อน เราก็เลยไม่ได้เข้าไป รอรอบไหนใช้ JR โตเกียว ค่อยแวะก็ได้ เดินไปขึ้นรถไฟใต้ดินเตรียมตัวไป ginza กันต่อ
สถานีรถไฟโตเกียว
นั่งรถไฟใต้ดินสถานีเดียวก็ถึงสถานีกินซ่า เดินออกมาจะเริ่มต้นที่หอนาฬิกา หันทิศเท่าไรก็หาไม่เจอหอนาฬิกา เปิดแผนที่ดูมันก็อยู่ตรงแยกนี้นี่นา หรือเรามาผิดที่ ถึงไม่เห็นหอนาฬิกาเนี่ย ช่างมันเดินงมเอาก็ได้ พอข้ามถนนเท่านั้นแหละ ก็เจอหอนาฬิกา เพราะเราออกมาตรงตึกหอนาฬิกาพอ มันอยู่บนหัวเรา โธ่ ฉลาดจริงๆ
เจอแล้วหอนาฬิกา ต้องกางร่มถ่าย เพราะฝนตก
เจอหอนาฬิกาแล้ว กางแผนที่ดูว่าจะไปไหนบ้าง ยังอิ่มท้องอยู่เลยของกินก็ตัดไป ที่มาร์คไว้คือจุดที่สนใจ uniqlo กับ gu ก็ไปที่ ueno มาแล้ว ตัดออกละกัน หอนาฬิกาก็ได้เห็นละ เหลือที่เดียวคือ apple store
แผนที่เที่ยวกินซ่า
ถึงแล้ว Apple store ginza
พนักงานใส่ขาสั้น ชิลมาก
apple watch แต่ละรุ่น มีโชว์ให้เห็นกันหมด
ขึ้นมาชั้นบนสุดก่อนเป็น gunius bar แนะนำการใช้งานผลิตภัณฑ์แอปเปิ้ล อันนี้มีต่อคิวรอทีเดียว
ชั้น3 เป็นเหมือนห้องประชุม มีสไลด์โชว์ ไม่รู้เค้าดูอะไรกัน เลยถ่ายจากด้านนอกเอา
ชั้น2 จำหน่าย acc. เกี่ยวกับแอปเปิ้ล
หมดละกินซ่า ตามแผนต่อไปเราจะไปเที่ยวเกาะ odaiba กัน กางร่มลุยฝนไปขึ้นรถไฟใต้ดิน ไปลงสถานี shimbashi แล้วต่อรถไฟลอยฟ้าไปลงที่เกาะ odaiba สถานี odaiba kaihinkoen
นั่งรถไฟ มองเห็นวิวทะเล
มาถึงแล้วกางแผนที่อีกรอบ มีที่ไหนหน้าสนใจมั่งนะ ใกล้สุดเป็นสวนริมหาด แต่ว่าฝนตก อากาศหนาวมาก เลยถ่ายรูปจากด้านบนสถานีแทน
ขอไม่ลงไปนะ พี่หนาว
ถึงแล้วดูแผนที่บอกว่าแบ่งเป็น 2 ตึกคู่กัน เข้าประตูไป ร้านแรกที่เจอคือ abc mart ขายรองเท้า เห็นติดป้ายมี summer sale เลยแวะสักหน่อย
พนักงานแนะนำสเปรย์ฉีดกันน้ำมาด้วย ดีเลย ฉีดแม่มทุกคู่เลย ตกดีนัก และอีกอย่างไม่รู้จะรีบซื้อทำไม ต้องแบกเดินเที่ยวอีก ห้างญี่ปุ่นนี่ยังไม่เคยเห็นมีที่ฝากกระเป๋าเลย สงสัยต้องพึ่งบริการตู้ล๊อคเกอร์เก็บของอย่างเดียว ไม่เป็นไร ยอมถือก็ได้วะ อันดับแรกจะไป เลโกแลนด์ เดินหา ไปเจอชั้นนึง ชั้น3 มั้ง คุยไปคุยมา เค้าบอกอนุญาตให้เด็กเข้าเท่านั้น สงสัยเป็นพวกของเล่นเด็กๆมั้ง เค้าบอกให้ไปชั้น 7 (ถ้าจำไม่ผิด) เราก็เดินขึ้นมาชั้น7 เป็นช๊อปขายสินค้าของเลโก้ ไม่ใช่อ่ะ ดูในมาจิเดะ มันเป็นให้เดินชม เลโก้ต่อเป็นเมืองไรงี้ หาทางเข้าไม่เจอ เดินไปเดินมาเจอ trick art museum ก็เลยเข้าอันนี้ก่อนละกัน
ด้านหลังมีกระจก กินไป ชมวิวไปด้วย
เริ่มเหนื่อย ของก็เริ่มเยอะละ กลับโรงแรมไปเก็บของดีกว่า นั่งรถไฟมาลง shimbashi แล้วต่อใต้ดินไปลง ueno เก็บของใส่ห้องเรียบร้อย เวลาเหลือ ไป akihabara ดีกว่า นั่งรถไฟแค่3 นาทีเอง ไปซ่อมเมื่อวานสักหน่อย เป้าหมายที่เราจะไปคือตึก pop life กับ hobby off
เราเลยแวะไปดูสักหน่อย โดยภายในห้ามถ่ายรูปและแบ่งเป็นชั้นๆ ชั้น1 และใต้ดิน หนังแผ่น ชั้น2 ของเล่นผู้ชาย ชั้น3 ของเล่นผู้หญิง ชั้น 4 ถุงยาง เจลหล่อลื่น ชั้น 5 เป็นอะไรนี่แหละ ลืมละ ชั้น6 เป็นชุดคอสเพลย์ ชุดฟอร์มต่างๆ
ได้ mp3มาแจกเพื่อนๆ1 เครื่อง (แก้ไขข้อมูลนะครับ ใหญ่ที่สุดในโตเกียวไม่ใช่ในโลก)
จากนั้นเดินไปร้าน hobby off ขายสินค้ามือสอง เดินไปถึงปรากฎว่าร้านปิดแล้ว ร้านปิดสองทุ่ม ก็เลยตัดสินใจนั่งรถไฟใต้ดินกลับเลย ลงสถานี ueno เริ่มจะหิวอีกแล้ว เลยหาร้านกินตามหน้าสถานี ร้านตามหน้าสถานีนี่เหมือนคนญี่ปุ่นแวะกินก่อนเข้าที่พักกัน เพราะเค้าไม่มีร้านบะหมี่เกี้ยวข้างทางแบบบ้านเรา ก็เลยต้องกินเอาหน้าสถานีนี่แหละ หยอดตู้ นั่งรอ แปบเดียวก็ได้ แกงกระหรี่ กับราเมน
หิวเลยตักกินไปคำนึง นึกคิดได้ว่าต้องถ่ายรูปก่อน
กินเสร็จ แวะร้านสะดวกซื้อ รอบนี้เอามา 4 ยี่ห้อเหมือนเดิม แต่ลืมถ่ายรูป ลองเปลี่ยนจากคิรินกระป๋องทอง เป็นกระป๋องขาวดูบ้าง พี่ก็ยังแยกไม่ออกว่ายี่ห้อไหน อร่อย
อาบน้ำ แช่น้ำร้อนให้ขาผ่อนคลาย เดินทั้งวัน แล้วออกมาเก็บกระเป๋า เตรียมเช๊คเอ้าพรุ่งนี้ เพราะเราต้องย้ายโรงแรม แต่ของเยอะมากเลยลงไปถามพนักงานว่ามีบริการส่งของไปที่โรงแรมไหม เราจะให้ส่งไปที่โรงใน ueno นี่แหละ เลือกวันที่ถึงเป็นวันสุดท้าย เพราะวันสุดท้ายจะกลับมาพักที่นี่ แต่โรงแรมเดิมนี้มันเต็ม เลยต้องย้ายไปโรงแรมอื่น จะใช้บริการล๊อคเกอร์มันก็มีบริการแค่3 วัน เค้าเลยบอกว่า ไม่เป็นไรเดี๋ยวเค้าโทรติดต่อโรงแรมนั้นให้ ว่าเราจะขอฝากกระเป๋าล่วงหน้าก่อนพัก 4 วันแหนะ ดีใจ จัดการกับกระเป๋าได้และ ได้เวลาเข้านอน คืนวันที่ 2 จบไปอีก 1 วัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น